REVIEW! เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้นไร้สาย TND รุ่น TR-72wf (Cloud Network)
เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ..คลิ๊ก!
◼ FEATURE : TR-72wf
◼ ดีไซน์ของ TR-72wf
◼ หน้าจอแสดงผล
◼ มารู้จักระบบ Cloud Storage กันค่ะ
◼ ….แล้ว Cloud Storage มันดียังไงกัน …..
เครื่องวัดและบันทึกอุณหภูมิความชื้น เป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นประจำทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม,ห้องปฏิบัติการหรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งหลายคนให้ความสนใจและนิยมใช้กันมากขึ้น และก็มีให้เลือกใช้กันอย่างหลากหลาย เชื่อว่าหลายคนต้องเคยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิ และความชื้น ทั้งแบบเข็มไบเมทัล , แบบดิจิตอลทั้งแบบมอนิเตอร์ และบันทึกค่าด้วย SD Card หรือแบบแท่งแก้ว
เราใช้เวลาเดินไปเก็บข้อมูลจากตัวเครื่อง วันละกี่รอบ ? เสียเวลาไปครั้งละกี่ชั่วโมง ?
“TR-72wf ตอบโจทย์ความสะดวกและสบายให้ได้อย่างแน่นอน”
FEATURE : TR-72wf
- ใช้เทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลโดย Clound
- ดีไซน์แบบ Compact Size [ 58 mm x 78 mm x 26 mm ]
- แสดงหน่วยวัด ‘C , ‘F . %RH
- ใช่เซนเซอร์ภายนอกในการวัดอุณหภูมิและความชื้น
- บันทึกข้อมูลได้ 8,000 ข้อมูล
- ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA x 2
มาแกะกล่องกัน!!
อุปกรณ์ทุกอย่างถูกบรรจุมาอย่างดีในกล่องสีแดง และครบชุดเลย
ดีไซน์ของ TR-72wf
TR-72wf ถือว่าออกแบบได้ดีทีเดียว ตัวเครื่องทำจาก Polycarbonate ( เป็นพลาสติกที่มีความแข็งมาก ต้านทานการขีดข่วนได้ดี )
ส่วนเซนเซอร์ ทำจาก Polypropylene resin ( เป็นพลาสติกที่ทนความร้อน ไอน้ำผ่านได้เล็กน้อย ต้านทานการขีดช่วนได้ )
ลักษณะเป็นตะแกรง ภายในมีหัวเซนเซอร์ติดตั้งอยู่บนวงจร
มีปุ่มควบคุม 3 ปุ่ม อยู่ด้านล่างหน้าจอ คือ ปุ่ม Display , ปุ่ม Interval , ปุ่ม REC/STOP ด้านข้างเครื่องจะมีปุ่ม POWER ON/OFF อยู่ด้านซ้ายมือ (ด้านเดียวกันกับเซนเซอร์) ส่วนด้านขวามือจะเป็นช่องเสียบ USB
ด้านหลังจะมีฝาปิดแบตเตอรี่ และรูแขวนด้านหลัง 2 รู สำหรับการติดตั้งแบบแขวนผนัง
ด้านหน้าเครื่อง TR-72wf
ด้านหลังเครือง TR-72wf
หน้าจอแสดงผล
1 . หนา้จอแสดงผลอุณหภูมิ
2. หนา้จอแสดงผลความชื้น
3. ” REC “ หนา้จอแสดงผลขณะบันทึก
มารู้จักระบบ Cloud Storage กันค่ะ
ระบบ Cloud Storage หรือที่เรียกกันว่า “แหล่งเก็บข้อมูลในก้อนเมฆ” นั่นเองค่ะ ซึ่งในสมัยก่อนจะเรียกกันว่า เว็บฝากไฟล์ และระบบนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ทำไมนะหรอค่ะ เรามาย้อนกลับไปในยุคก่อน การเก็บข้อมูล ( Storage ) ก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
ตั้งแต่ Floppy Disk, Hard Disk, Flash Drive, Memory Card ต่างๆ ทั้งที่สามารถพกพาได้และพกพาไม่ได้ ปกติแล้วเวลาทำงานเอกสาร กราฟิกที่ขนาดไฟล์ไม่ใหญ่มากนักหรือค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สาธารณะ เรามักจะใช้ Flash Drive หรือ Memory Card ในการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งสิ่งที่มักจะแถมมาด้วยเสมอคือ “ไวรัส” นั่นเอง
….แล้ว Cloud Storage มันดียังไงกัน …..
จริงๆ ต้องบอกว่า Cloud Storage มีข้อดีหลายประการเลยหล่ะค่ะ อย่างแรกเลย ไม่ต้องกลัวข้อมูลสูญหายหรือถูกโจรกรรม สามารถกำหนดให้เป็นแบบส่วนตัวหรือสาธารณะก็ได้
เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาทุกอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีพื้นที่ใช้สอยมาก มีให้เลือกหลากกลาย
ประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากเราไม่ต้องเสียเงินซื้อ FlashDrive หรือ Memory Card ฯลฯ และที่สำคัญปลอดภัยจากไวรัส
แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียเนอะ อย่างเช่น ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างเสถียร ไม่สามารถถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ เป็นต้น
เล่ามาถึงตรงนี้ ทุกคนต้องมีคำถามอยู่แล้วเราควรใช้ Cloud Storage หรือเปล่า จริง ๆ แล้ว การควรหรือไม่ควรใช้ มันก็ขึ้นอยู่กับงานที่รับผิดชอบ ถ้าเป็นงานเอกสาร หรืองานที่มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะ และเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างเสถียร ก็เหมาะกับการใช้ Cloud Storage เนื่องจากประหยัดและปลอดภัยจากไวรัสมากกว่าการใช้ Storage พกพา แต่ถ้างานที่รับผิดชอบเป็นพวกงานตัดต่อ วิดีโอภาพ ที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ อันนี้ก็แนะนำว่า ไม่เหมาะที่จะใช้ Cloud Storage นะค่ะ ในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการ Cloud Storage อย่างมากกมายให้เราเลือกใช้งาน อาทิเช่น Dropbox , Skydrive , Googledrive , 4share เป็นต้น